michelin – ประวัติอันยาวนาน ของมิชลินเริ่มต้นขึ้น เมื่อสองพี่น้องตระกูลมิชลิน อองเดร (André) และ เอดูอาร์ (Édouard) ก้าวเข้าสู่ยุค แห่งวิวัฒนาการ ของมนุษย์ และอุตสาหกรรมในปี 2432 ด้วยการพัฒนาโซลูชั่น ด้านการขนส่งสมัยใหม่ ที่เอื้อต่อการ พัฒนาทางเศรษฐกิจ และอิสรภาพผ่าน การนำเสนอนวัตกรรมอย่าง ไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้แบรนด์มิชลิน มีความเกี่ยวพัน กับนวัตกรรม ครั้งแรกของโลกและของ อุตสาหกรรมหลายชิ้น อาทิ ยางรถจักรยาน แบบถอดได้ครั้งแรก (ปี 2434), ทางขึ้นลงของเครื่องบิน แบบลาดยางแห่งแรก (ปี 2459), ยางเรเดียลเส้นแรก (ปี 2489) และอื่น ๆ อีกมากมาย
คู่มือเกี่ยว กับการท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ของมิชลิน เป็นผลิตผลจาก ความมุ่งมั่นอย่าง ต่อเนื่อง ที่จะยกระดับ การเดินทางสัญจร ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่ด้วยการผลิตยางรถยนต์ ที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังรวม ถึงการให้ข้อมูล ที่ช่วยเสริมสร้าง ประสบการณ์ โดยรวมตลอด การเดินทาง จุดเริ่มต้นของความมุ่งมั่น ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2443 เมื่อคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับปฐมฤกษ์ จากความคิด ริเริ่มของสอง พี่น้องตระกูลมิชลิน ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ เพื่อมอบเป็น “อภินันทนาการ” ให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ รวมทั้งผู้ ขับขี่รถจักรยาน ซึ่งในเวลานั้น มีจำนวนมากกว่า รถยนต์จดทะเบียน ในฝรั่งเศส ที่มีอยู่เพียง 2,800
กลุ่มมิชลิน
กลุ่มมิชลินเป็นบริษัท ระดับโลกที่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2423 มีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ ณ เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และผลิตยางรถยนต์ เพื่อวางจำหน่าย ในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก โดยผลิตยางรถยนต์ เพื่อตอบสนอง ความต้องการ ของตลาดและ การใช้งานบน สภาพถนนที่ แตกต่างกัน ในแต่ละท้องถิ่นจากโรงงาน ที่มีอยู่ 69 แห่งทั่วโลก พนักงานมิชลินจำนวน 114,000 คนต่างมุ่งมั่น ทุ่มเทให้กับการผลิต ยางรถยนต์ที่ ปลอดภัยที่สุด และเหมาะ กับลักษณะการใช้งาน ของผู้บริโภคมากที่สุด ทั้งนี้ มิชลินได้ชื่อว่า เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และการพัฒนา อย่างยั่งยืน เพื่อการสัญจร ของผู้คนและ การขนส่งสินค้า
มิชลินในประเทศไทย
ในปี 2530 มิชลินได้ขยายธุรกิจ เข้าสู่ตลาดประเทศไทย โดยก่อตั้งโรงงาน ผลิตยางรถยนต์ 3 แห่ง และโรงงานผลิตเส้นลวด 1 แห่ง และก่อตั้งโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่งในเวลาต่อมา ภายใต้การดูแล บริหารงานของบริษัท สยามมิชลิน จำกัด ซึ่งมีพนักงาน รวมทั้งสิ้นกว่า 6,700 คน ทุกหน่วยงาน ของมิชลินในประเทศไทยต่าง ยึดมั่นและ ให้ความสำคัญ กับการส่งเสริมการสัญจร อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเจตนารมย์อันแน่วแน่ ของมิชลินทั่วโลก และเชื่อมั่นใน ความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์ ยางมิชลิน ซึ่งมุ่งเน้นคุณสมบัติ หลัก 3 ประการอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือ ความปลอดภัย การประหยัดน้ำมัน และอายุการ ใช้งานที่ยาวนาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์ ที่มีคุณสมบัติ ครบถ้วนและ มีสมรรถนะสูง สุดทุกด้าน
พันธกิจ: ขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดีกว่า
ที่มิชลิน เราเชื่อว่าการสัญจร มีความสำคัญต่อ พัฒนาการของมนุษย์ เราจึงมุ่งมั่น พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้การสัญจร ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม สำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือการนำเสนอคุณภาพ ที่เหนือกว่า ให้กับลูกค้า
สิ่งที่ทำให้มิชลินประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว
1.การเพิ่มผู้ใช้งานก่อนยอดขาย
ในยุคนั้น คนใช้รถยนต์ ยังมีจำนวนที่น้อย และตรงนี้เองสิ่ง ที่มิชลินมองก็คือ การเพิ่มจำนวน ผู้ใช้รถยนต์มากกว่าการ เพิ่มยอดขาย เพราะช่วงนั้นคนยังไม่เห็นถึง คุณประโยชน์รถยนต์ มากเท่าที่ควร จึงทำให้เกิด Michelin Guide Book ขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ ดังกล่าว จึงทำให้ประสบความสำเร็จ อย่างมากในแง่ของการ เพิ่มผู้ใช้รถยนต์ จากตรงนี้เองทำให้ ยางมิชลิน ขายได้เพิ่มมากขึ้น เพราะมีคนใช้รถยนต์ เพิ่มและเมื่อเกิดยางแบน สิ่งที่คนนึกถึง เป็นอันดับแรก ก็คือโฆษณา ยางที่อยู่ ในหนังสือ Michelin Guide นั่นเอง
2. การฟังเสียงลูกค้า
ความสำคัญของ การทำการตลาดเลยคือ “การฟังเสียงของลูกค้า” ช่วงที่ประสบความสำเร็จ อย่างล้นหลาม ทำให้หลายคนได้ พูดถึงร้านอาหารหรือ สถานที่ที่ ตนเองถูกใจ และทางมิชลิน ก็ได้รับฟัง ข้อมูลเหล่านั้น เมื่อมีข้อมูลมาก พอจากกลุ่มลูกค้า และแฟน ๆ ของมิชลิน แล้วจึงทำให้ เกิดไอเดีย ในการสร้าง “นักชิมลึกลับ” หรือปัจจุบันเรียกว่า “ผู้ตรวจสอบร้านอาหาร” ขึ้นมา โดยมีมาตรฐาน ที่สูงมาก เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน อย่างแท้จริงและ เป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้ กับทั้งลูกค้าและ Michelin Guide Book มากขึ้นไปอีก รวมถึงผลกระทบ ที่เกิดขึ้นคือยิ่ง ทำให้ยางรถยนต์ ของมิชลิน ขายดีมากขึ้นด้วย
3. การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ
ในยุคนั้นกว่า จะซ่อมยางรถยนต์ หรือรถจักรยาน ที่แบนแต่ ละทีต้องใช้ เวลาหลายชั่วโมง ในการซ่อม ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหา อย่างมากสำหรับช่าง ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนยาง เพราะยางรถจะถูกติดกาวไว้ กับล้อทำให้ มันไม่หลุดออก จากกันได้ง่าย จากปัญหาตรงนี้เอง ทำให้อังเดร และเอดูร์อาร์ คิดแก้ไขปัญหา Pain Point จนกลายเป็น ยางรถยนต์ แบบสูบลม จนทำให้กลาย เป็นมาตรฐาน สำหรับรถยนต์ และรถจักรยาน ทั่วโลกได้สำเร็จ
กลับสู่หน้าหลัก – nonthaburimesuk